บ้านดิน

ในยุคแรกๆเชื่อกันว่ามนุษย์ใช้ถ้ำเป็นที่อยู่อาศัย ต่อมาเมื่อจำนวนประชากรมากขึ้นแต่จำนวนถ้ำมีจำกัด มนุษย์เริ่มใช้กิ่งไม้และใบไม้ทำเป็นที่อยู่อาศัย แต่ในฤดูหนาวอากาศหนาวเย็นมากมนุษย์ก็เริ่มใช้ดินมาโบกฉาบผนังบ้านภาษาอีสาน และลาวเรียกว่า ทาเปี๋ยะ (wattle&duab)

จากนั้นมนุษย์ก็เริ่มพัฒนามาใช้หินก่อด้วยดินและทำอิฐดินก่อด้วยดิน (adobe) จนกระทั่งเข้าสู่ยุคโลหะมนุษย์เริ่มเปลี่ยนเครื่องมือจากหินมาเป็นโลหะ จากนั้นมนุษย์ก็เริ่มรู้จักใช้ไม้ทำที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้มากขึ้น แต่มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายหรือในที่แห้งแล้งกันดารเขาก็ยังทำบ้านดิน อยู่อาศัยเรื่อยมาจนปัจจุบัน

บ้านดินถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก บ้านดินมีอายุยาวนานที่สุดในโลกด้วยในปัจจุบันยังมีบ้านดินเก่าๆอายุตั้งแต่ 200 -1,000 ปี กระจายอยู่ทั่วโลก เช่น บ้านของอินเดียแดงเผ่าอนาซาซีซึ่งกระจายอยู่ทั่วไปในรัฐนิวเม็กซิโก โคโลราโด อริโซนา บางแห่งมีอายุเกือบ 2000 ปี เช่น ที่ เมือง เทาพูเอบโบลซึ่งที่นี่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นที่อยู่อาศัยที่มี คนอาศัยอยู่ยาวนานที่สุดในโลก คือตั้งแต่สร้างมาจนถึงปัจจุบันมีคนอาศัยอยู่ตลอดมาไม่เคยขาดช่วงเลย นอกจากนี้ยังมีบ้านดินเก่าแก่อีกมากมายกระจายอยู่ทั่วไปในตะวันออกกลาง แอฟริกา จีน เป็นต้น ซึ่งส่วนมากจะอยู่ในเขตทะเลทราย หรือบริเวณที่แห้งแล้งกันดารมากๆเพราะบริเวณเหล่านี้จะมีอากาศแปรปรวนมาก หน้าร้อนก็จะร้อนจัดหน้าหนาวก็หนาวจัดจนมีหิมะลงเป็นเดือนๆในสภาวะเช่นนี้คน จะอยู่ไม่ได้เลยถ้าไม่มีฟืน ไม่มีไฟฟ้า ช่วยปรับความร้อนในบ้าน แต่บ้านดินช่วยให้คนอยู่รอดมาได้หลายพันปีจนปัจจุบัน